วันพฤหัสบดีที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2554

เที่ยวงานเทศกาลเชียงรายดอกไม้งามประจำปี 2554

เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2554 พวกเราได้มีโอกาสได้ไปเที่ยวงาน เชียงรายดอกไม้งามครั้งที่7 ซึ่งงานนี้เริ่มขึ้นในวันที่ 25 ธันวาคม 2553 – 3 มกราคม 2554 ภายในส่วนจัดงานมีผู้เที่ยวชมจำนวนมาก พระเอกประจำงานคงหนีไม่พ้นความงามของดอกทิวลิป ซึ่งหลากหลายสายพันธุ์และสีสันมากมาย  และยังมีดอกไม้นานาพันธุ์อีกมากมายเลยนะ  เช่น ทิวลิป ลิลลี่ ฯลฯ รวมทั้งจัดให้มีอุทยานกล้วยไม้  อุทยานดอกไม้ทรงเรขาคณิต อุโมงค์ไม้ดอกไม้ประดับแปลงไม้ดอกไม้ประดับ น้ำพุ ฯลฯ  ทลิปนี้มีน้าหินของเด็กๆ ช่างกล้องฝีมือชั้นเทพเป็นตากล้องเก็บภาพสวยๆให้ จึงนำความงดงามและความหล่อของเรา เฮ้ย..ของดอกไม้งาม.. มาฝาก เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ให้อิจฉาเล่นๆ ฮิฮิ..
เชียงรายเป็นจังหวัดเหนือสุดของประเทศที่ภูมิประเทศและภูมิอากาศที่เอื้อ อำนวยต่อการทำการปลูกดอกไม้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูหนาว ซึ่งอากาศเหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของไม้ดอก ไม้ประดับที่มีความสวยงามแปลกตา ทั้งสีสันและชนิดพันธุ์ที่แตกต่างจากพื้นที่อื่นๆ  แต่เสียใจด้วยนะครับปีนี้ท่านที่ไม่มีโอกาสมาเที่ยวเพราะตอนนี้งานปิดแล้ว คงเป็นปีหน้า อีกแป๊บเดียวเน้อะ วันเวลาเดียวนี้เร็วออก 

















วันจันทร์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2554

ส.ค.ส. ๒๕๕๔ และพระราชดำรัสพระราชทานพรปีใหม่ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ แก่พสกนิกรชาวไทย (๑ มกราคม ๒๕๕๔)

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำรัสพระราชทานพรปีใหม่ พ.ศ. ๒๕๕๔ แก่พสกนิกรชาวไทยเมื่อคืนวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๓ ความว่า

ประชาชนชาวไทยทั้งหลาย บัดนี้ถึงวาระจะขึ้นปีใหม่ ข้าพเจ้าขอส่งความปรารถนาดีมาอวยพรแก่ท่านทุกๆคน ให้มีความสำเร็จสมประสงค์ในสิ่งที่ปรารถนา
ความปรารถนาของทุกคนคงไม่แตกต่างกันนัก คือ ต้องการให้ตนเอง มีความสุขความเจริญและให้บ้านเมืองมีความสงบร่มเย็น ในปีใหม่นี้ข้าพเจ้าจึงปรารถนาอย่างยี่งที่จะเห็นคนไทยมีความสุขถ้วนหน้ากันด้วยการให้ คือ ให้ความรักความเมตตากัน ให้น้ำใจไมตรีกัน ให้อภัยกัน ให้การสงเคราะห์อนุเคราะห์กัน
โดยมุ่งดีมุ่งเจริญต่อกันด้วยความบริสุทธิ์และจริงใจ ทุกคนทุกฝ่าย จะได้สามารถร่วมมือ ร่วมความคิดอ่านกัน สร้างสรรค์ความสุข ความเจริญมั่นคง ให้แก่ตนเองประเทศชาติ อันเป็นสิ่งที่แต่ละคนต้องการให้สำเร็จผลได้ ดังที่ใจปรารถนา
ขออนุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายจงคุ้มครองรักษาท่านทุกคนให้มีความสุขไม่มีทุกข์ไม่มีภัย ตลอดศกหน้านี้โดยถ้วนกัน
พร้อมกันนี้ ยังได้ทรงพระราชทาน ส.ค.ส .๒๕๕๔แก่ประชาชนชาวไทยเป็นพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในฉลองพระองค์สากลสีครีมผ้าปักพระกระเป๋าเป็นผ้าลายริ้วสีเหลืองสลับเทา ฉลองพระองค์ชั้นในเป็นเชิ้ตขาว ทรงผูกเนคไทลายริ้วสีเหลืองสลับเทาประทับบนพระเก้าอี้
ด้านข้างพระเก้าอื้ที่ประทับทั้งสองข้างมีโต๊ะสูงโต๊ะด้านซ้ายวางแจกันแก้วก้านสูงปักดอกไม้หลากสี โต๊ะด้านขวาวางแจกันแก้วขนาดเล็กปักดอกไม้หลากสีเช่นกันทรงฉายกับสุนัขทรงเลี้ยง ๒ สุนัข หรือคุณทองแดงที่ทรงเลี้ยงมาตั้งแต่ปี ๒๕๔๑ หมอบอยู่หน้าพระเก้าอี้ด้านขวาและคุณทองแท้ที่ทรงเลี้ยงมาตั้งแต่ปี ๒๕๔๒ หมอบอยู่หน้าพระเก้าอี้ด้านซ้าย
ด้านหลังพระเก้าอื้ที่ประทับเป็นม่านสีเทาอ่อนมีแจกันดอกไม้ขนาดใหญ่ปักดอกกุหลาบ และดอกไฮเดรนเยียหลากสีตั้งอยู่ ๒ แจกัน แจกันด้านซ้ายมีตราพระมหาพิชัยมงกุฎประดับอยู่ ส่าวนแจกันด้านขวาผอบทองประดับอยู่ถัดไปด้านหลังทั้งสองด้านมีกระถางไม้ประดับตั้งอยู่
มุมบนซ้ายมีตัวอักษรสีเหลืองข้อความว่า ส.ค.ส. สวัสดีปีใหม่ ๒๕๕๔ มุมบนด้านขวามีข้อความภาษาอังกฤษ Happy New Year 2011
ด้านล่างของ ส.ค.ส. มีข้อความเป็นตัวหนังสือพิมพ์ด้วยสีน้ำเงินว่า ขอจงมีความสุขความเจริญ มุมล่างขวามีข้อความ ก.ส. 9 ปรุง 121923 ทค. 53 พิมพ์ที่โรงพิมพ์สุวรรณชาด ท.พรหมบุตร,ผู้พิมพ์ผู้โฆษณา Printed at the Suvarnnachad publishing, D Bramaputra, Publisher
กรอบของ ส.ค.ส. พระราชทานฉบับนี้เป็นภาพใบหน้าคนเล็ก ๆ เรียงด้านละ 3 แถวทุกหน้ามีแต่รอยยิ้ม

วันศุกร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2553

งานประจำปีโรงเรียนศิริมาตย์เทวี

เมื่อวันที่ 24  ธันวาคม 2553 ร.ร.ศิริมาตย์เทวีได้จัดงานประจำปี (วันคริสมาสต์)โดยมีการแสดงของเด็กนักเรียนทุกระดับชั้น น้องใบบัวแสดงในรายการ"รักระเบิด" ส่วนน้องต้นไผ่แสดงรายการ "ลมฝากรัก"  เริ่มงานประมาณ17.00น.  น้องใบบัวและต้นไผ่แสดงได้ดีมาก ได้เก็บภาพน่ารักๆมาฝาก

<< ภาพประกอบ(จำนวน 29 ภาพ) >>

วันพุธที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ช๊อปแม่สาย-เที่ยวแม่ฟ้าหลวง-พักแรมแม่สลอง

 

สวัสดีครับเพื่อนๆมิตรสหายทุกคน วันนี้(16 ธันวาคม 2553) ครอบครัวศรีนวลวงค์ของเรา ได้มีโอกาสต้อนรับครอบครัวสุขเกษม (พี่ชัยเดช,ตุ๊ดตู่,และน้องไทม์) ที่เดินทางมาจากจังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อมาเที่ยวพักผ่อนที่จังหวัดเชียงราย อันงดงาม ท่ามกลางลมหนาว ที่อบอุ่นไปด้วยไมตรีจิตร เรานัดและเจอกันที่บริเวณเชิงสะพานแม่น้ำกก เวลาประมาณ 09.30 น. จากนั้นได้เดินทางต่อไปยังชายแดนไทยพม่าบริเวณ อ.แม่สาย ช๊อปปิ้งบริเวณตลาดชายแดน ผู้คนเยอะมากๆ แต่ไม่กล้าซื้อขนมเท่าไรเพราะกลัวสารเมลามิน ที่ซื้อได้คงจะเป็นจำพวกเสื้อผ้า ผลไม้ ของที่ระลึก เที่ยวเสร็จเดินทางมุ่งสู่สวนแม่ฟ้าหลวง ระหว่างทางแวะทานข้าวมันไก่ที่ร้านบริเวณตลาดห้วยไคร้ สวนแม่ฟ้าหลวงมีดอกไม้นานาพันธ์สวยงามมาก เด็กโพส์ตท่าถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนาน หลังจากนั้นเราก็เดินทางต่อ เป้าหมายคือดอยหมอกดอกไม้รีสอร์ท อากาศหนาวได้ใจเลยวันนี้ น้องไทม์และน้องใบบัว หน่วยกล้าตาย ได้ลงเล่นว่ายน้ำที่สระว่ายน้ำของรีสอร์ท หลังว่ายน้ำเสร็จน้องใบบัวสั่นเหมือนเจ้าเข้า ตอนเย็นมีสังสรรค์ ทานอาหารยูนานนนนนนนนนน มากๆ เมนูพิเศษไก่ดำตุ๋นยาจีน (ของดี) แต่พี่ชัยเดชบอกว่าสงสัยไก่เหงา  หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ เด็กๆได้มีโอกาสสนุกสนานกับการปล่อยโคมลอย






<< ภาพประกอบ ( จำนวน 68 ภาพ ) >>

วันอังคารที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2553

การดำเนินการตามโครงการพัฒนาสถานีตำรวจเพื่อประชาชนระยะที่ ๓ (๒๒ ธันวาคม ๒๕๕๓)

เมื่อวันที่ ๗ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๓ พลตำรวจเอก วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ประกาศนโยบายผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ออกเป็น ๔ ระยะ คือ
๑. นโยบายเฉพาะหน้าที่
ต้องการให้เกิดผลทันทีและต่อเนื่อง
๒. นโยบายเร่งด่วน (ระยะ ๖ เดือน)
๓. นโยบายสำคัญภายในระยะ ๑ ปี
๔. นโยบายภายในระยะ ๓ ปี

ซึ่งจากสถานการณ์ในรอบปีที่ผ่านมาคดีอาญาที่เกิดขึ้นมักจะมีความรุนแรง ซับซ้อน สร้างความสูญเสียสูง และปัญหาอาชญากรรมเฉพาะเรื่อง เช่น ปัญหาการล่วงละเมิดสถาบัน ความขัดแย้งทางการเมือง การกลับมาแพร่ระบาดของยาเสพติด และปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งการปฏิบัติตนไม่เหมาะสมของข้าราชการตำรวจบางราย ส่งผลต่อความเชื่อมั่น ศรัทธา ในการปฏิบัติงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดังนั้น การดำเนินการตามโครงการสถานีตำรวจเพื่อประชาชน (โรงพักเพื่อประชาชน) ระยะที่ ๓ ให้เกิดผลสำเร็จเป็นรูปธรรมนั้น จึงได้กำหนดไว้ในนโยบายเร่งด่วนให้สถานีตำรวจทุกแห่งนำไปดำเนินการให้ได้ผลอย่างเป็นรูปธรรมตามนโยบายที่กำหนดไว้


ผมคิดว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับพี่น้องประชาชนที่สมควรรับรู้รับทราบว่าตำรวจเราคิดหรือจะต้องดำเนินการอย่างไรบ้างรวมไปถึงน่าจะุเป็นประโยชน์แก่พี่น้องในการตรวจสอบและติดตามการปฏิบัติงานของตำรวจเราด้วย ผมจึงขอนำรายละเอียดเรื่องนี้มาเผยแพร่ให้ได้รับทราบกันโดยท่านสามารถคลิกดูได้ที่นี่

<< ด.ต.เฉลิม  ศรีนวลวงค์ : รายงาน >>

วันจันทร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ช๊อปแม่สาย-เที่ยวแม่ฟ้าหลวง-พักแรมแม่สลอง

สวัสดีครับเพื่อนๆมิตรสหายทุกคน วันนี้(16 ธันวาคม 2553) ครอบครัวศรีนวลวงค์ของเรา ได้มีโอกาสต้อนรับครอบครัวสุขเกษม (พี่ชัยเดช,ตุ๊ดตู่,และน้องไทม์) ที่เดินทางมาจากจังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อมาเที่ยวพักผ่อนที่จังหวัดเชียงราย อันงดงาม ท่ามกลางลมหนาว ที่อบอุ่นไปด้วยไมตรีจิตร เรานัดและเจอกันที่บริเวณเชิงสะพานแม่น้ำกก เวลาประมาณ 09.30 น. จากนั้นได้เดินทางต่อไปยังชายแดนไทยพม่าบริเวณ อ.แม่สาย ช๊อปปิ้งบริเวณตลาดชายแดน ผู้คนเยอะมากๆ แต่ไม่กล้าซื้อขนมเท่าไรเพราะกลัวสารเมลามิน ที่ซื้อได้คงจะเป็นจำพวกเสื้อผ้า ผลไม้ ของที่ระลึก เที่ยวเสร็จเดินทางมุ่งสู่สวนแม่ฟ้าหลวง ระหว่างทางแวะทานข้าวมันไก่ที่ร้านบริเวณตลาดห้วยไคร้ สวนแม่ฟ้าหลวงมีดอกไม้นานาพันธ์สวยงามมาก เด็กโพส์ตท่าถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนาน หลังจากนั้นเราก็เดินทางต่อ เป้าหมายคือดอยหมอกดอกไม้รีสอร์ท อากาศหนาวได้ใจเลยวันนี้ น้องไทม์และน้องใบบัว หน่วยกล้าตาย ได้ลงเล่นว่ายน้ำที่สระว่ายน้ำของรีสอร์ท หลังว่ายน้ำเสร็จน้องใบบัวสั่นเหมือนเจ้าเข้า ตอนเย็นมีสังสรรค์ ทานอาหารยูนานนนนนนนนนน มากๆ เมนูพิเศษไก่ดำตุ๋นยาจีน (ของดี) แต่พี่ชัยเดชบอกว่าสงสัยไก่เหงา  หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ เด็กๆได้มีโอกาสสนุกสนานกับการปล่อยโคมลอย






<< ภาพประกอบ ( จำนวน 68 ภาพ ) >>

วันศุกร์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ตำแหน่งของตำรวจ

วันนี้ผมขอนำเรื่องราวของตำรวจเกี่ยวกับเรื่อง“ตำแหน่งของตำรวจ” มาเสนอให้ทราบ
ท่านที่รักครับ กฎหมายตำรวจที่ใช้อยู่ปัจจุบันคือ “พระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๗” มีผลบังคับใช้ตั้งวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๗ เป็นต้นมา ซึ่งกำหนดเรื่องราวต่างๆ ของตำรวจ ไม่ว่าจะเป็นอำนาจหน้าที่,การจัดระเบียบราชการในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ,ยศ,ตำแหน่ง,เงินเดือน ฯลฯ ครอบคลุมทุกอย่างเลยก็ว่าได้ โดยเรื่องต่างๆ ที่น่าสนใจผมจะทยอยเล่าให้ฟังวันหลัง แต่วันนี้มาเข้าเรื่องที่บอกไว้ก่อนดีกว่าครับ
ปัจจุบันตำรวจเรากำหนดตำแหน่งไว้ ๑๓ ตำแหน่งเรียงลำดับจากใหญ่ไปหาเล็กดังนี้
๑. ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
๒. จเรตำรวจแห่งชาติ และรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
๓. ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
๔. ผู้บัญชาการ
๕. รองผู้บัญชาการ
๖. ผู้บังคับการ และพนักงานสอบสวนผู้เชี่ยวชาญพิเศษ
๗. รองผู้บังคับการ และพนักงานสอบสวนผู้เชี่ยวชาญ
๘. ผู้กำกับการ และและพนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ
๙. รองผู้กำกับการ และพนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ
๑๐
. สารวัตร และพนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการ
๑๑. รองสารวัตร และพนักงานสอบสวน
๑๒. ผู้บังคับหมู่
๑๓. รองผู้บังคับหมู่

ทั้ง ๑๓ ตำแหน่งที่พูดถึงนั้นเป็นตำแหน่งหลัก แต่ยังมีตำแหน่งที่เรียกชื่ออย่างอื่นด้วยในบางหน่วยงาน ซึ่ง ก.ตร. หรือคำเต็มเรียกว่า “คณะกรรมการตำรวจ” จะเป็นผู้กำหนดโดยเทียบกับตำแหน่งหลักที่พูดถึงนี้ว่าเป็นตำแหน่งใด เช่น พนักงานสอบสวน (สบ ๔) เทียบได้กับตำแหน่งผู้กำกับการ , ที่ปรึกษา (สบ ๑๐) เทียบได้กับตำแหน่งจเรตำรวจและรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นต้น รายละเอียดเรื่องนี้ท่านใดสนใจสามารถเปิดอ่านได้ที่นี่ครับ http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2548/00169404.PDF

ต่อไปผมขอแนะนำเรื่องยศของแต่ละตำแหน่งครับว่าตำแหน่งเหล่านี้มียศอะไรกันบ้าง เรื่องนี้ใน พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๗ กำหนดไว้ดังนี้
๑. ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มียศเดียวครับคือพลตำรวจเอก
๒. จเรตำรวจแห่งชาติ และรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยศพลตำรวจโทถึงพลตำรวจเอก
๓. ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยศพลตำรวจโท
๔. ผู้บัญชาการ ยศพลตำรวจตรีถึงพลตำรวจโท
๕. รองผู้บัญชาการ ยศพลตำรวจตรี
๖. ผู้บังคับการ และพนักงานสอบสวนผู้เชี่ยวชาญพิเศษ ยศพันตำรวจเอก(พิเศษ) ถึงพลตำรวจตรี (ผมขอทำความเข้าใจคำว่ายศ
“พันตำรวจเอก(พิเศษ)” อีกนิดหนึ่งนะครับ คืออันที่จริงยศ “พันตำรวจเอก(พิเศษ)” นี่ไม่มีหรอกแต่เป็นภาษาปากที่ใช้พูดกัน สำหรับยศจริงๆ ก็คือพันตำรวจเอกนั่นแหละแต่เป็นพันตำรวจเอกที่ได้รับอัตราเงินเดือนพันตำรวจเอก(พิเศษ) ครับผม)
๗. รองผู้บังคับการ และพนักงานสอบสวนผู้เชี่ยวชาญ ยศพันตำรวจเอก(พิเศษ)
๘. ผู้กำกับการ และและพนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ ยศพันตำรวจโทถึงพันตำรวจเอก
๙. รองผู้กำกับการ และพนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ ยศพันตำรวจโท
๑๐.
สารวัตร และพนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการ ยศร้อยตำรวจเอก,พันตำรวจตรี,พันตำรวจโท
๑๑. รองสารวัตร และพนักงานสอบสวน ยศร้อยตำรวจตรี,ร้อยตำรวจโท,ร้อยตำรวจเอก
๑๒. ผู้บังคับหมู่ ยศสิบตำรวจตรี,สิบตำรวจโท,สิบตำรวจเอก,จ่าสิบตำรวจ,ดาบตำรวจ
๑๓. รองผู้บังคับหมู่ ไม่มียศครับแต่ให้แต่งตั้งจากตำรวจชั้นพลตำรวจ



อ่านมาถึงตรงนี้หลายท่านอาจจะงงๆ ว่า เอ้า หลายตำแหน่งมียศตั้งหลายยศแล้วจะรู้ได้ไงล่ะครับว่ายศนั้นเป็นตำแหน่งอะไรกันแน่ ผมจะเฉลยให้ฟังต่อ แต่จะพูดเฉพาะตำแหน่งที่มีหลายยศนะครับ เช่น จเรตำรวจแห่งชาติ,รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติซึ่งมียศตั้งแต่พลตำรวจโทถึงพลตำรวจเอก คือเป็นแบบนี้ครับ ตำแหน่งที่ว่ามียศนั้นถึงยศนี้นี่น่ะเป็นเรื่องของการแต่งตั้งผู้ที่จะดำรงตำแหน่งสูงน่ะครับว่าถ้าจากตำแหน่งนี้จะเลื่อนหรือรับตำแหน่งสูงขึ้นต้องมียศไม่น้อยกว่ายศไหน ถ้ายศไม่ถึงหรือน้อยกว่าก็แต่งตั้งไม่ได้ เช่น ผู้ที่จะได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งจเรตำรวจแห่งชาติหรือรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาตินั้นจะต้องมียศพลตำรวจโทเสียก่อน (นี่ยังไม่รวมถึงระยะเวลาในการครองตำแหน่ง,อัตราเงินเดือน ฯลฯ อีกจิปาถะนะครับ) ถึงจะได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนี้ได้ ตำแหน่งอื่นๆ ก็เช่นเดียวกัน เมื่อผู้ใดมีคุณสมบัติครบแล้วไม่ว่าจะเป็นยศ,เงินเดือน,ระยะเวลาในการดำรงตำแหน่งที่ผ่านมา ฯลฯ รวมถึง....... (ละไว้ในฐานที่เข้าใจ) และผู้บังคับบัญชาเห็นว่ามีความเหมาะสมที่จะให้ดำรงตำแหน่งสูงขึ้นก็จะแต่งตั้งครับ แล้วทีนี้วงการตำรวจเราน่ะในเวลาแต่งตั้งนั้นทั้งยศ,ตำแหน่ง,เงินเดือน,ระยะเวลาในการดำรงตำแหน่งที่ผ่านมา ฯลฯ จะครบกันหมดแล้ว (บางคนเลยมาตั้งหลายปีด้วยซ้ำไป) เมื่อแต่งตั้งเรียบร้อยแล้วสักพักหนึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็จะแต่งตั้งว่าที่ยศให้ในกรณีที่ผู้นั้นมียศต่ำกว่ายศสูงสุดของตำแหน่งนั้น เช่น พลตำรวจตรี ก.ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการก็จะได้รับว่าที่ยศเป็น “พลตำรวจโท” เป็นต้น ทั้งนี้เนื่องจากว่ายศสูงสุดของตำแหน่งผู้บัญชาการคือ “พลตำรวจโท” นั่นเอง (ว่าที่ยศนั้นใช้กับข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตรซึ่งจะต้องรอรับพระราชโองการโปรดเกล้าฯ พระราชทานยศก่อนจึงจะปลดคำว่า “ว่าที่” ออกเหลือเพียงแต่ยศนั้นๆ ซึ่งผมจะพูดเรื่องว่าที่ยศให้ทราบในโอกาสต่อไป)

เมื่อได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งสูงขึ้นและสำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการเรื่องว่าที่ยศเสร็จแล้วเรามาดูกันต่อว่ายศที่ติดอยู่บนบ่านั้นจะเรียกตำแหน่งอย่างไร น่าสนใจนะครับจะได้เรียกได้ถูก (แต่ขอบอกไว้ก่อนนะครับว่าการเรียกตำแหน่งของตำรวจเรานั้นมักจะเรียกคำที่เป็นตำแหน่งหลักมากกว่าไม่ว่าชื่อตำแหน่งอย่างเป็นทางการของตำแหน่งที่เทียบเท่าจะเรียกอะไรก็ตาม) ซึ่งมีดังนี้ครับ
๑. ยศพลตำรวจเอก คือ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ,จเรตำรวจแห่งชาติ,รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
๒. พลตำรวจโท คือ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและผู้บัญชาการ
๓. พลตำรวจตรี คือ รองผู้บัญชาการและผู้บังคับการ
๔. พันตำรวจเอก(พิเศษ) คือรองผู้บังคับการ
๕. พันตำรวจเอก คือ ผู้กำกับการ (ระหว่างพันตำรวจเอก(พิเศษ) และพันตำรวจเอกต่างกันและดูตรงไหนว่าใครเป็นใครผมเคยนำเสนเรื่องราวให้ทราบไว้แล้ว หากจำไม่ได้หรือยังไม่ได้อ่านกรุณาคลิกดูที่นี่ได้เลยครับท่่าน http://mrsp2503.blogspot.com/2010/06/blog-post_4814.html )
๖. พันตำรวจโท คือ รองผู้กำกับการและสารวัตร
๗. พันตำรวจตรี คือ สารวัตร
๘. ร้อยตำรวจเอก คือ สารวัตรและรองสารวัตร
๙. ร้อยตำรวจโทและร้อยตำรวจตรีคือ รองสารวัตร
๑๐. ดาบตำรวจ,จ่าสิบตำรวจ ท่านสามารถเรียกยศได้เลยครับ เช่น ดาบตำรวจ (หรือดาบ) นั้นดาบนี้ , จ่าสิบตำรวจ (หรือจ่า) นั้นจ่านี้ สำหรับสิบตำรวจเอก,สิบตำรวจโท,สิบตำรวจตรีนั้นสมัยก่อนเขามักจะเรียกกันว่า “หมู่” ซึ่งมาจากคำว่า “ผู้บังคับหมู่” แต่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยใช้คำนี้กันแล้ว ในวงการผมจะเรียกผู้มียศนี้โดยใช้ชื่อของคนนั้นแทนไปเลย
มีปัญหาอีกแหละครับว่าบางตำแหน่งมีตั้งหลายยศ แล้วเมื่อเห็นยศเหล่านั้นจะเรียกว่ายังไงดี ยากเหมือนกันนะ (แหม ขนาดตำรวจอย่างพวกผมก็ยังงงๆ เลย เพราะกำลังพลของเราเยอะมากแล้วก็ไม่ได้รู้จักกันทั้งหมด) เอาแบบนี้ก็แล้วกันคือให้ดูที่ยศเป็นหลักแล้วเรียกตามที่ผมบอกนั่นแหละผิดถูกไม่เป็นไร ไม่มีใครถือสาหรอกครับ บางคนกลับชอบซะอีกเช่นตัวเองตำแหน่งสารวัตรยศพันตำรวจโทซึ่งยศนี้มีถึง ๒ ตำแหน่งคือรองผู้กำกับการและสารวัตรแต่พี่น้องเรียกผิดเป็น “รองผู้กำกับการ”  ปิดท้ายครับ ที่บอกไปนั้นเป็นการเรียกชื่อตำแหน่งของตำรวจซึ่งเป็นคำพูดแบบเป็นทางการซึ่งบางคนไม่ถนัดและชอบเรียกคำที่เป็นคำปากมากกว่า ผมจึงขอแนะนำการเรียกชื่อตำแหน่งที่มักนิยมเรียกกันดังต่อไปนี้
๑. ผู้บังคับการ เรียก ผู้การ
๒. รองผู้บังคับการ เรียก รองผู้การ
๓. ผู้กำกับการ เรียก ผู้กำกับ
๔. รองผู้กำกับการ เรียก รองผู้กำกับ
ส่วนนอกเหนือจากนี้มักจะเรียกตามชื่อตำแหน่งที่เป็นทางการยกเว้นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ,รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมักจะเรียกว่า ผบ.ตร. (ผอ บอ ตอ รอ) , รอง ผบ.ตร. และ ผู้ช่วย ผบ.ตร.

ความรู้ที่กล่าวมานี้กระผมขอกราบขอบคุณท่าน พ.ต.ท.สุพจน์  มัจฉา สวป.สภ.พาน ที่มีความกรุณาอนุเคราะห์ข้อมูล ตลอดจนให้คำแนะนำในการเขียนบล๊อกด้วยดีมาโดยตลอด
หากข้อมูลผิดพลาดด้วยประการใดๆ กระผมขอน้อมรับคำติชม เพื่อที่จะนำมาแก้ไขให้ดีขึ้นต่อไป  กราบขอบพระคุณครับ
  

พ.ต.ท.สุพจน์  มัจฉา
สวป.สภ.พาน